พลายมหากาฬ ตอนดงหินมรณะ - พลายมหากาฬ ตอนดงหินมรณะ นิยาย พลายมหากาฬ ตอนดงหินมรณะ : Dek-D.com - Writer

    พลายมหากาฬ ตอนดงหินมรณะ

    ตอนนี้สนุก ระทึกใจ พวกเขาจะเอาตัวรอดไปได้อย่างไร อ่านแล้วโปรดวิจารณ์

    ผู้เข้าชมรวม

    255

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    255

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  ผจญภัย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  10 เม.ย. 55 / 20:03 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ดงหินมรณะ
                เราเดินพ้นทุ่งหญ้าแฝกออกมา ก็ใกล้โพล้เพล้แล้ว พรานเหลิงให้เราอดทนเดินอีกหน่อย จะได้ไม่ต้องค้างแรมในทุ่งหญ้า ด้วยอันตรายมากหากเกิดไฟป่าขึ้นมา อีกทั้งต้องใช้แรงงานในการสร้างบริเวณที่พัก
                    พอพ้นทุ่ง สภาพเส้นทางก็เปลี่ยนไป เป็นป่า ดงหินจนถึงเทือกเขาทะมึนเบื้องหน้า ก้อนหินแต่ละก้อนโตขนาดเท่ารถบัสกองระเกะระกะอยู่ทั่ว คณะของเราต้องลัดเลาะ เกาะก้อนหินเหล่านั้น ไม่มีพื้นที่บริเวณกว้าง ในดงหินนี้เลย ในที่สุดพรานเหลิงก็ตัดสินใจให้คณะเราหยุดตั้งแค้มป์เมื่อหาที่ว่างได้เล็กน้อยบริเวณหนึ่ง
                     พรานเหลิงส่งกระติกน้ำให้ข้าพเจ้าเหมือนทราบว่าน้ำในกระติกสนามของข้าพเจ้าหมดแล้ว ข้าพเจ้าดื่มไปอึกหนึ่ง พวกเราอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องประหยัดน้ำอย่างที่สุดตามที่พรานเหลิงแจ้งให้ทราบตั้งแต่เข้าเขตทุ่งหญ้าแฝก
                 ผมกับตองโปจะออกสำรวจรอบบริเวณและจะหาฟืนกลับมาด้วย พรานเหลิงพูดแล้วหันไป พยักหน้ากับกระเหรี่ยงหนุ่มที่หนีบมีดเดินป่าเหน็บเอวเดินตามพรานเหลิงหายไปในดงหินข้าพเจ้าปลดสัมภาระเครื่องหลังลงนั่งพักเหนื่อย เฒ่าทารกนอนแผ่หรามองหน้าผาตระหง่านเบื้องหน้า พักใหญ่ขบวนดอกเตอร์ก็ตามมาทัน พวกลูกหาบพากันปลดสัมภาระลงจากม้าต่าง อาจารย์กู้กำลังสาระวนช่วยลูกหาบจัดของ และกางเต็นท์ วันเดอร์ โนเกียช่วยดอกเตอร์ติดตั้งจานรับสัญณานและขนแผงเซลล์ซูล่าแบตเตอร์รี่ลงจากหลังม้าต่าง ข้าพเจ้าเดินห่างออกมาเฉียดเฒ่าทารกเพื่อไปทำธุระส่วนตัว
                 เอานี่ซักอึกมั้ย คุณแมว ผู้เฒ่าแต่ใจยังเด็ก ส่งแบนดีบุก ที่แกแบ่งเหล้าบรั่นดีจากขวดใหญ่ เทใส่แบน เพื่อสะดวกต่อการพกพาให้ข้าพเจ้า พลางยิ้มเผล่ ข้าพเจ้ารับมาดื่ม พลางอดขัน สติกเกอร์ภาพเปลือยที่ติดแปะข้างแบนเหล้าไม่ได้
                 ป่าหินนี่ชอบกล รึคุณว่าไง ไม่มีนก ไม่มีสัตว์อะไรซักอย่าง ผมว่ามันดูพิกลๆ อยู่นา
                 พรานเหลิงกับตองโปกำลังสำรวจรอบๆ บริเวณ ผมเองก็ว่าจะเดินดูให้รอบๆ เสียหน่อย ก่อนจะมองอะไรไม่เห็น
             เหรอ งั้นผมไปด้วย เฒ่าทารกปลดเครื่องหลังคว้า 11 มม. M 1911 คู่ชีพ เดินนำหน้าข้าพเจ้าไป เราสองคนเดินทอดน่องตามเส้นทางระหว่างก้อนหิน ที่ทอดเงายาวในแสงตะวันยามพลบค่ำ แสงสุดท้ายเป็นสีแดงสาดจับหน้าผาสูงชันงามอย่างประหลาดดูลึกลับน่าพิศวง โขลงพลายงาดำหายไปไหน คงจะไม่ปีนหน้าผาขึ้นไปเป็นแน่
                  ข้าพเจ้าเดินตามหลัง เฒ่าทารกพาวกไปวนมา ระหว่างก้อนหินรูปร่างประหลาด เป็นเงาดำตะคุ่มดั่งสัตว์ร้าย หินบางก้อนมีขนาดใหญ่มาก เป็นตะปุ่มตะป่ำพิลึกกึกกือ บางก้อนโอนเอนเหมือนจะเอียงมาทับ บางก้อนเหมือนสัตว์ประหลาดในนิยาย เดินได้ซักพักหนึ่งข้าพเจ้าก็เริ่มเอะใจ จึงเรียกเฒ่าทารกให้หยุดซึ่งดูเหมือน เฒ่าทารกก็พบความผิดปกติเช่นกัน
                เหมือนเราเดินวนมาที่เก่า ข้าพเจ้าเอ่ยขึ้น
                เราท่าจะหลงทางเสียแล้วนี่ก็เริ่มมองไม่เห็นทางแล้ว ถ้าเราเดินต่อไปอาจจะหลงไปไกลกว่านี้ ไฟฉายเราก็ไม่ได้เอาติดตัวมาด้วย ผมว่าเราควรจะก่อกองไฟ พรานเหลิงอาจจะผิดสังเกตที่เราหายมานาน คงจะพากันออกตาม แล้วเห็นแสงไฟก็เป็นได้
                 ข้าพเจ้ากับเฒ่าทารกหาเศษหญ้าแถวนั้นก่อกองไฟขึ้น ยังไม่รู้สึกหวั่นวิตกอะไร เรารออยู่จนหญ้าแห้งแถวนั้นถูกนำมาเป็นเชื้อเพลิงจนจะหมดก็ยังไม่มีวี่แววว่าพรานเหลิงและพวกจะออก
    ตามหา ทำให้ใจคอเราเริ่มไม่ค่อยดี เฒ่าทารกเสนอให้ยิงปืน เพื่อเป็นสัญญาณแจ้งเหตุให้กับคณะเราทราบ แต่ก่อนที่เราจะยิงปืน พรานเหลิงก็ปรากฏตัวขึ้น
               ผมคิดว่า พวกคุณคงหลงทาง จึงออกตามหา ป่าหินนี้ประหลาดชอบกล   พวกคุณตามผมมา กองไฟมอดหมดเชื้อไฟพอดี เมื่อเราสองคนลุกเดินตามพรานเหลิงไปอย่างโล่งอก และดีใจ จอมพรานพาเราสองคนลัดเลาะออกมา ฉายไฟ สังเกตตามพื้นบริเวณที่เป็นทางแยกเป็นระยะ สักครู่เราก็เดินมาพบ จุดพักแรมที่ชาวคณะเรานั่งพักอยู่
             
      กองไฟถูกก่อขึ้นสามกอง กระเหรี่ยงหนุ่มกับลูกหาบขนฟืนมากองสำรองไว้ ไม่ทราบว่าพรานเหลิงกับตองโปไปหาฟืนไม้เนื้อแข็งมาจากที่ใด ดงหินกันดารแถบนี้ที่แม้แต่หญ้ายังแทบงอกขึ้นไม่ได้ หลังจากกินเสบียงกรังอย่างง่ายๆแล้ว พรานเหลิงก็จัดเวรยามออกเป็นสามผลัด ข้าพเจ้า เฒ่าทารก ดอกเตอร์อยู่ยามผลัดที่สองด้วยกัน ส่วนพวกลูกหาบให้นอนพักผ่อนกันตามสบาย ด้วยต้องตรากตรำแบกสัมภาระในตอนกลางวัน ผลัดแรกอาจารย์กู้ โนเกียและวอนเดอร์ ส่วนพรานเหลิงกับตองโปรับอาสาอยู่ผลัดสุดท้าย คือตั้งแต่สามนาฬิกาถึงรุ่งเช้า
                  ผมออกสำรวจรอบๆบริเวณแล้ว ทางเดินสลับซับซ้อนมาก ไม่แนะนำให้ออกไปไหนกลางคืนคนเดียว หาก จำเป็นให้พาเพื่อนไปด้วย และให้ทำสัญลักษณ์ไว้เป็นระ ยะ เพราะอาจหลงทางได้ พรานเหลิงเอ่ยขึ้นเมื่อพวกเรามาพร้อมกันที่รอบกองไฟ
                 เราพบไข่และคราบสัตว์เลื้อยคลานบางอย่าง ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นสัตว์เลื้อยคลานประเภทใด เราพรานเหลิงหมายถึงตนเองกับเหรี่ยงตองโป
                 ให้เวรยามใช้ฟืนอย่างประหยัด พอ ถึงรุ่งเช้า อย่าให้กองไฟดับเป็นอันขาด สถานการณ์ตอนนี้ผมเองก็บอกอะไรไม่ได้ เพราะเรามาถึงที่นี่ก็จวนค่ำแล้วเลยไม่มีเวลาสำรวจอย่างทั่วถึง
             ร่องรอยโขลงช้างก็หายไปนับจากเราพ้นทุ่งแฝกออกมา หากไม่มีโขลงช้างนำทางเราอาจออกมาไม่พ้นทุ่งหญ้านั่น หลงทางหรืออดน้ำตายอยู่กลางท้องทุ่ง ไม่มีทางมาพบดงหินหน้าภูผาแห่งนี้ พรุ่งนี้ผมจะสำรวจเส้นทางอย่างละเอียดอีกที เราอาจจะพบร่องรอยโขลงช้างบ้าง
    พูดจบพรานเหลิงก็ขอตัวไปนอน เราทุกคนก็ไม่ต้องการรบกวนพรานนำทาง เพราะทราบดีถึงภาระที่จอมพรานรับผิดชอบ
                  ข้านำอ้ายนี่มาด้วย กระเหรี่ยงหนุ่มล้วงไข่ขนาดใหญ่เกือบเท่าผลส้มโอออกจากถุงย่าม อวดเฒ่าทารก ไข่ฟองนั้นมีลักษณะยาวรีเปลือกนิ่มคล้ายไข่เต่าแต่มีขนาดใหญ่กว่า
                  ไข่อะไรวะ ? เฒ่าทารกรับออกมาดูอย่างกระตือรือร้น
                  คงเป็นตะกวด หรือว่าไข่เหี้ยนะแหละลุง
             เฮ้ยไข่เหี้ยข้าเคยเห็น มันไม่ใหญ่ขนาดนี้ นี่มันไข่โคตรเหี้ยละไม่ว่า สองคนคุยกันถูกคอ คนอื่นๆก็พากันมามุงดู ดอกเตอร์โรมิโอนำเวอร์เนียวัดขนาดไข่อย่างละเอียด พลางพึมพำกับตนเอง
                   อิมพอสซิเบิ้ล...
             ไอคิดว่ามันคงเป็นไข่สัตว์เลื้อยคลานตระกูล วารานัส
             ไข่อะไรก็เหอะ แกล้มสุราดีนักแล เฒ่าทารกกลิ้งไข่หมกขี้เถ้าริมกองไฟ ชั่วไม่นานเสียงไข่แตกดังโพละ ด้วยความร้อนระอุ สองคนหนึ่งฉกรรจ์หนึ่งชราแบ่งไข่แกล้มสุรากันง้วนไป
    ข้าพเจ้าไม่ทันได้ชิมไข่ประหลาดนั้นเพราะขอตัวนอนก่อนด้วยต้องตื่นมาอยู่เวรยามตอนสองยาม
     
                    ข้าพเจ้าหลับไปนานเท่าใดไม่ทราบ มารู้สึกตัวเมื่อพรานเหลิงมาปลุก
                  โทษที ผมหลับเพลินไปหน่อย ถึงเวรผมแล้วหรือ พรายน้ำหน้าปัดนาฬิกาที่ข้อมือบอกเวลายี่สิบสามนาฬิกาเศษๆ ยังไม่ถึงเวลาอยู่เวรยามของข้าพเจ้าเลย พรานเหลิงมาปลุกข้าพเจ้าทำไม พรานเหลิงทำสัญญาณมือให้ข้าพเจ้าตามไป แสงไฟจากกองไฟทั้งสามกองส่องแสงวอมแวมในความมืด เลยออกไปจากกองไฟ ม้าต่างมีอาการตื่นกลัว พวกลูกหาบกำลังปลอบมันอยู่
                  เกิดอะไรขึ้น เฒ่าทารกที่เพิ่งงัวเงยขึ้นมา สอบถาม
                  ม้าต่างเราหายไปตัวหนึ่ง มีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ข้างนอกโน่น
             ไกลจากแสงไฟออกไปเป็นเงาดำตะคุ่มๆมีเสียงอะไรบางอย่างเหมือนคนลากเสื่อไปตามพื้นดิน เดี๋ยวหยุด เดี๋ยวก็ดังขึ้นอีก ม้าต่างยิ่งมีอาการตื่นกลัวอย่างเห็นได้ชัดจนลูกหาบเริ่มจะเอาไม่อยู่ พรานเหลิงพยักหน้าให้กระเหรี่ยงหนุ่ม ซึ่งค่อยๆ เดินไปช่วยลูกหาบปลอบม้า
                  พรานเหลิงหันมาสบตากับข้าพเจ้า ก่อนคลานไปที่กองหิน ก้อนที่อยู่ห่างจากกองไฟ โดยมีข้าพเจ้าตามไปติดๆ เราหยุดอยู่หลังก้อนหินสักครู่ เสียงเหมือนคนลากเสื่อก็ดังขึ้นอีก พรานเหลิงกดสปอร์ตไลต์ แสงสว่าง 500 แรงเทียน เป็นลำออกไปเบื้องหน้า
     
     
                คุณพระช่วย..!ภาพที่ปรากฏ ในแสงไฟฉายแมกไลท์สร้างความสยดสยองสุดเปรียบปาน เลือดในกายข้าพเจ้าเย็นเฉียบ สัตว์เลื้อยคลานขนาดยักษ์ ใหญ่กว่าจระเข้เกล็ดสีดำสนิท ตาสีแดงของมันสะท้อนแสงไฟเป็นประกาย ร่างมหึมาของสัตว์เลื้อยคลานนับสิบฉีกกระชากม้าต่างของเราที่ยังตายไม่สนิท ขาขาดพุงแตกไส้ทะลักออกมา จากสายตา พวกมันมีไม่ต่ำกว่ายี่สิบสามสิบตัว ไอ้ตัวหนึ่งมุดหัวเข้าไปในท้องม้าลากเครื่องในออกมาแล้วเลื้อยหนีตัวอื่นๆที่จะเข้ามาแย่งชิง เดี๋ยวเดียวซากม้าต่างก็หายไปในพริบตา ไม่เหลือแม้เศษซากกระดูก เสียงกระดูกแตกจากการฉีกกัดดังระคายหู ไอ้ตัวหนึ่ง หันหน้ามาทางแสงไฟฉาย อ้าปากอวดฟันคมกริบดุจฟันฉลาม ไกลออกไปพวกมันกำลังคลานเข้ามาอีกนับจำนวนไม่ถูก พรานเหลิงกดสวิทดับไฟฉาย ทำสัญญาณให้ข้าพเจ้าถอยหลังลงมารวมกลุ่มกับคณะเรา
                ตองโป เอาม้าต่างกับสัมภาระมากองรวมกันตรงนี้อาจารย์กู้ แจกปืนลูกซอง ให้ลูกหาบ    ทุกคนมารวมกันที่นี่เร็ว สุมไฟไว้อย่าให้ไฟดับเป็นอันขาด
                เกิดอะไรขึ้น? พรานเหลิง  ดอกเตอร์โรมิโอเอ่ยด้วยความตระหนก โนเกียช่วยอาจารย์กู้นำปืนลูกซองบราวนิง   และเครื่องกระสุนออกจากลังส่งให้ลูกหาบ
                 เรากำลังถูกโจมตีจากสัตว์เลื้อยคลานไม่ทราบชนิด แต่ตัวใหญ่มาก ทุกคนเปลี่ยนปืน เป็นปืนลูกซอง  
                 หรือว่า ไข่นั้น โคโมโด เป็นไปไม่ได้ ดอกเตอร์หนุ่มคราง ววตาตื่นกลัว
                 มังกรโคโมโดหรือ ไหนว่ามันมีทีเกาะโคโมโดอินโดนีเซียที่เดียวในโลกนี่
                  ข้าพเจ้าอุทานด้วยความประหลาดใจมากว่าตกใจมังกรโคโมโด มันเป็นไปได้อย่างไร ที่สัตว์เลื้อยคลานในยุคคาร์บอนิเฟอรัส จะปรากฏขึ้นที่นี่
             จากหลักฐานทางโบราณคดี พบฟอสซิลมังกรโคโมโดที่ออสเตรเลีย แต่ไม่พบตัวเป็นๆของมันเลย นอกจากที่หมู่เกาะการิน ในอินโดนีเซีย โดยพบตัวมันที่เฉพาะเกาะโคโมโดเท่านั้น จึงเรียกมันว่ามังกรโคโมโดตามชื่อเกาะ
     
       (ยุค Carboniferous Period ยุคที่ 5 ของมหายุคพาลีโอโซอิก อยู่ระหว่างยุคดิโวเนียนกับยุคเพอร์เมียน มีช่วงอายุตั้งแต่ 360-286 ล้านปีมาแล้ว เป็นยุคที่เริ่มมีพืชมีเมล็ด เช่น อาร์เคโอซิลกิลลาเรีย สน เฟิร์น สัตว์เลื้อยคลานชนิดแรกและแมลง เนื่องจากพบถ่านหินมากจึงถือยุคนี้เป็นยุคถ่านหิน เรียกว่า ยุคคาร์บอนิเฟอรัส Carboniferous System -ผู้เขียน )
    ( ปืนลูกซองบราวนิง นี้ ออกแบบโดย จอห์น เอ็ม บราวนิงตั้งแต่ปี 1900 ปืนรุ่นเก่า ส่วนมากผลิตโดย โรงงาน  Fabrique Nationaleหรือ FNแห่งเบลเยี่ยม-ผู้เขียน )
     
     
     
                  มังกรโคโมโด มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า วารานัส โคโมโดเอนชิส     มีชีวิตอยู่ในยุคคาร์บอนิเฟอรัส มีฟันแบบฟันเลื่อย คมกริบดุจฟันฉลาม น้ำลายของมันเต็มไปด้วยแบคทีเรียซึ่งมีพิษร้ายแรง หากเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล จะทำให้โลหิตเป็นพิษ   อยู่กลางป่าอย่างนี้ ตายสถานเดียว   ดอกเตอร์โรมิโอ อธิบายเสียงแหบเครือ เสียงคลานแสรกสากดัง
    อยู่รอบๆ ดงหิน พวกเราคงถูกพวกมันโอบล้อมไว้แล้ว
                มิน่า ไม่มีสัตว์ป่าปรากฏบริเวณนี้เลย คงเป็นเพราะไอ้ตัวพวกนี้นี่เอง เฒ่าทารกคราง พลางดวดวิสกี้ลดความตื่นเต้น
                แต่ไข่ของมัน มันดีนะ กระเหรี่ยงหนุ่มเอ่ยขึ้น แต่วันเดอร์โก่งคออาเจียนอยู่ข้างๆ คงล่อไข่มังกรของกระเหรี่ยงหนุ่มเข้าไปเต็มคราบ
                 หัวมะลู่ทู่ดำมะเมื่อมโผล่พ้นโขดหินออกมา อีกตัวเลื้อยปราดๆ มาทางกองไฟที่เริ่มโทรมลง เสียงตูมดังสนั่นบราวนิงของเบลเยียม ในมือเฒ่าทารกระเบิดกระสุนขนาด เกรจ 12    ฉีกหัวสัตว์เลื้อยคลานยักษ์กระจายร่างมหึมาหงายท้องกลิ้งหายไปในร่องหิน อีกตัวโผล่ทางก้อนหินด้านหลัง ปืนในมืออาจารย์กู้หวดตูมออกไปส่งร่างสัตว์ยักษ์กระเด็นออกไป หลังจากนั้นเสียงปืนลูกซองนับสิบกระบอกแผดเสียงสนั่นหวั่นไหวไปทั้งป่าหิน แต่เจ้ากิ้งก่ายักษ์ก็ยังหนุนเนื่องเข้ามาไม่มีที่สิ้นสุด กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งชวนคลื่นเหียน ผสมกับกลิ่นเหม็นไหม้เขม่าดินปืนรมหน้า แสบจมูก แสบตาไปหมด ปืนลูกซองบราวนิง ผลิตจากเหล็กกล้าชั้นดีจากเบลเยียมถูกยิงจนกระบอกร้อนผ่าว หากมังกรโคโมโด เหล่านี้ยังไม่หยุดโจมตี ลำกล้องปืนคงร้อนจนระเบิดเป็นแน่
                หยุดยิง! หยุดยิง! พรานเหลิงร้องแข่งกับเสียงปืน เสียงปืนหยุดชะงักลง เจ้าสัตว์เลื้อยคลานที่ยังไม่ตายพลิกตัวดิ้นไปดิ้นมา พวกที่อยู่ในดงหินมาลากซากพวกมันไปฉีกกินที่ละซากน่าสยดสยอง สงครามสงบลงชั่วคราว พวกมันมีอาหารเหลือเฟือ หยุดสนใจพวกเรา พรานเหลิงสั่งกระเหรี่ยงตองโปตรวจสอบความเสียหาย และเติมฟืนในกองไฟ นอกจากม้าต่างตัวที่ถูกพวกมันแอบคาบไปกินแล้ว พวกเราทุกคนปลอดภัยดี หมดกระสุนปืนไปไม่น้อยกว่าสองร้อยนัด ซากพวกมันปิดช่องทางระหว่างช่องหินเป็นกองพะเนิน
                 มารวมกลุ่มกันไว้ เติมฟืนอย่าให้ไฟดับ อีกไม่เกินสามชั่วโมงก็สว่างแล้ว พรานเหลิงบัญชาการอย่างรวบรัดหมดจด ทุกคนทำตามโดยอัตโนมัติด้วยความเชื่อมั่นจากการที่จอมพรานควบคุมสถานการณ์ได้ด้วยสติอันมั่นคง
    __________________________________________________
    (guage 12 คือการ เอาตะกั่ว 1 ปอนด์มาปั้นเป็นลูกกลมเท่าๆ กันได้จำนวนเท่าได ก็หมายถึงเป็นกระสุนปืนขนาดนั้นขนาด เกรจ12  ก็คือ ตะกั่วหนึ่งปอนด์จะปั้นกระสุนขนาดนี้ได้ 12 ลูกวัดเส้นผ่านศูนย์กลางได้ประมาณ .730 นิ้วผู้เขียน )
    [วารานัส โโมโดเอนชิส    ( Varanus Komodoensis )]
     
                  พวกเราต่างถ่างตาอยู่อย่างระทึกใจไม่มีใครหลับตาลงสักคน เวลาเช้าช่างมาถึงช้าอย่างเหลือเกิน แต่พวกมันก็ไม่เข้าโจมตีอีก คงสาระวนจัดการซากพวกพวกเดียวกันง้วนไป เสียงฉีกกระชาก เสียงขบกระดูกดังระคายหูชวนสยดสยองอย่างที่ข้าพเจ้าไม่เคยประสพในชีวิต
     
                  แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องมา พวกกิ้งก่ายักษ์ พากันหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทิ้งซากพวกมันที่ขนไปไม่หมดไว้สิบกว่าซาก ดอกเตอร์โรมิโอ อาจารย์กู้ วัดขนาดพวกมันอย่างละเอียด โนเกียกับวันเดอร์เดินตามไปดูอย่างขยะแขยง
                เมื่อพวกเราไม่สามารถหาทางไปให้พ้นจากดงหิน เราต้องหาที่มั่น ที่เหมาะสมสำหรับ
    พักแรม
                จะมาพักแรมที่แบบนี้ไม่ได้ ถ้าพวกมันฮือออกมาพร้อมๆ กัน พวกเราคงต้านไม่อยู่ เดี๋ยวผมจะสำรวจเส้นทาง ตองโป พาลูกหาบเก็บสัมภาระ บรรทุกม้าต่างคอยก่อน เราจะไม่กินอาหารเช้าที่นี่  คงไม่มีใครกินอาหารเช้า ท่ามกลางกองเลือด และเจ้าซากมฤตยูที่น่าขยะแขยงพวกนี้ได้เป็นแน่ ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตนตามที่พรานเหลิงสั่ง
                 โอ้โฮตัวมันใหญ่ขนาดนี้เชียวหรือนี่ เฒ่าทารกดึงตลับเมตรจนสุด วัดจากหัวยังไม่ถึง
    หาง รูปร่างมันก็เหมือนเหี้ยดีๆ นี่เอง แต่ตัวโตกว่ากันมาก
                 ผมเคยดูสาระคดี ขนาดตัวมันจากหัวถึงหางประมาณ 3 เมตรเท่านั้นเมื่อโตเต็มวัย แต่นี่
    มันร่วม 5 เมตรเชียว  วันเดอร์ถ่ายภาพด้วยกล้องวีดีโอดิจิตอลจีอาร์ดีวีพี และ ช่วยดอกเตอร์จดขนาด ซากมังกรโคโมโดทุกตัว
                  มันใหญ่กว่าไอ้เข้อีก ดูฟันมันซี น่ากลัวจัง เฒ่าทารกใช้เท้าเขี่ยๆ ไปที่ลำตัวมหึมาของมัน
                ระวังน้ำลายมันด้วย มีพิษร้ายแรงมาก ดอกเตอร์เตือน
                จากสารคดีที่ผมเคยดู มันล้มควายป่าตัวโตๆ รุมกันฉีกเนื้อเป็นชิ้นๆ วันเดอร์เอ่ยอย่าง
    สยดสยอง
                ว่าแต่พวกมันหายไปไหนกันหมด
                ไปกันเถอะ เราจะอยู่ที่นี่นานนักไม่ได้  พรานเหลิงกลับมา พาพวกเราเดินลัดเลาะไปตามหมู่หิน
                 ขบวนลูกหาบและม้าต่างอยู่ตรงกลางเฒ่าทารก กระเหรี่ยงตองโประวังท้าย เป้าหมายพวกเราอยู่ที่หน้าผาเบื้องหน้า อาทิตย์ยามเช้าลอยสู่เบื้องสูงช้าๆ อากาศที่เย็นยะเยือกค่อยๆ อบอุ่นขึ้นที่ละน้อยพอเลี้ยวผ่านก้อนหินขนาดยักษ์เบื้องหน้า พรานเหลิงก็ให้สัญญาณมือ ทำให้ขบวนหยุดชะงักลงข้าพเจ้าวิ่งก้มต่ำไปหาพรานเหลิงที่ปีนไปอยู่บนก้อนหินต่ำๆ ที่ขวางทางอยู่เมื่อข้าพเจ้า ปีนขึ้น
    โพล่พ้นตะปุ่มหิน ภาพที่ปรากฏเต็มสองตาทำให้ข้าพเจ้าตะลึงงัน ข้างหน้าเป็นลานหินกว้างราวๆ สนามเทนนิส มังกรโคโมโดไม่ต่ำกว่าสองสามร้อยตัว นอนเรียงกันเป็นตับ ผึ่งแดดยามเช้าอย่างสบายใจ ดอกเตอร์โรมิโอที่ปีนขึ้นมาสมทบ กระซิบเสียงต่ำ
                สัตว์เลื้อยคลานมันไม่สามารถสร้างความร้อนในตัวเองได้ ต้องใช้พลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์ ไม่เช่นนั้นพวกมันก็จะพากันตาย ไข่ของมันที่หมกไว้ก็จะไม่ฟักเป็นตัว
                มิน่าเล่า ทำไมพอรุ่งเช้าพวกมันจึงหยุดโจมตี ที่แท้พากันมาอาบแดดอยู่ที่นี่เอง เฒ่าทารกที่ปีนขึ้นมายังอุตสาห์มีอารมณ์ขัน พวกเราไต่ลงมาสมทบ กันเบื้องล่าง
                หากเราถอยกลับ ก็ต้องยกเลิกภารกิจตามล่าพลายงาช้างดำ และอาจถูกพวกมันโจมตีใน
    ระหว่างผ่านทุ่งหญ้าแฝก ซึ่งไม่มีที่กำบังได้เลย แต่ในดงหินนี้ เรายังอาศัยก้อนหินเป็นที่กำบังได้
    และดูจากลักษณะพวกมันคงไต่ขึ้นไป บนก้อนหินใหญ่ๆ ไม่ได้ พวกเราต้องหาบริเวณที่มี ก้อนหินสูงใหญ่ แล้วขึ้นไปพักแรมบนนั้นชั่วคราว แล้วค่อยคิดหาหนทางกันต่อไป พรานเหลิงให้ความเห็น ซึ่งข้าพเจ้าก็เห็นพร้องด้วย
                  พวกเราเปลี่ยนเส้นทาง ค่อยๆ เดินจากบริเวณที่ มังกรโคโมโดผึ่งแดดกันโดยทำให้มีเสียงดังน้อยที่สุด พรานเหลิงพาพวกเราวนไทางทิศใต้ อ้อมเป็นวงกว้าง ก่อนวกขึ้นไปทางเหนือ อาศัยแนวหน้าผา เป็นจุดอ้างอิงให้สังเกต เราเดินกันจนเกือบสิบเอ็ดนาฬิกา โดยไม่หยุดพัก ไม่ได้กินอาหารเช้า เหลียวดูทุกคนหน้าตาซีดเซียวกันหมด ในที่สุดเราก็มาถึงตีนผาจนได้
                    หน้าผาตระหง่านสูงชันเหมือนขวานถากสูงลิบลิ่วหายไปในหมู่เมฆเบื้องบน มีต้นสนสามใบขึ้นแทรกอยู่ตามซอกผาเป็นระยะๆ เราเดินเลาะหน้าผาไปเรื่อยๆ เลี้ยวหลบก้อนหินใหญ่ ตามหน้าผา มีซอกคล้ายถ้ำ แต่ดูจากลักษณะแล้วคงเป็นโพรงรังของไอ้ตัวพวกนั้นเป็นแน่ หากเข้าไปพักคงไม่รอดเป็นอาหารเช้าของพวกมัน
                 จากคำอธิบายของดอกเตอร์ ทำให้เราทราบว่า เมื่อพวกมันผึ่งแดดจนเพียงพอแล้ว ก็จะพากันหลบร้อนอยู่ตามโพรงต่างๆ เหล่านี้ เราเดินกันจนล้า และในที่สุดเหมือนโชคชะตาเข้าข้าง เราก็พบเข้ากับก้อนหินขนาดใหญ่ริมหน้าผาอย่างที่ต้องการจนได้
                    โขดหินก้อนนั้นฐานสอบสูงจากพื้นราวสิบเมตรข้างบนบานออกเป็นที่กว้างราบเรียบมีขนาดเท่ากับสนามบาสเก็ตบอล ด้านหนึ่งติดหน้าผา มีทาง ขึ้นเล็กๆและสูงชัน เราต้องปลดสัมภาระลงจากหลังม้าต่างแล้วค่อยช่วยพาพวกมันขึ้นบนโขดหินนั้นทีละตัวจนหมด กว่าทุกคนจะขนของขึ้นไปได้ ก็ทุลักทุเลเต็มทีทุกคนต่างช่วยกันโดยไม่มีใครปริปากบ่น ด้วยเห็นมฤตยูอยู่ตรงหน้า เมื่อเราขึ้นไปกันหมดแล้ว พรานเหลิงก็พาลูกหาบไปเก็บกิ่งสนขนขึ้นมาไว้อย่างเพียงพอ แล้วพวกเราก็พากันขนก้อนหินมาปิดทางขึ้นนั้นไว้
                    โขดหินนั้นช่างเหมาะเจาะ ด้วยเป็นชะเงื้อมผา และมีต้นสนใหญ่ยื่นมาจากหน้าผากันแดดอันร้อนแรงพอได้อาศัยร่มเงา กว่าพวกเราจะได้กินอาหารเช้าก็ร่วมเข้าเที่ยงวันพอดี หลังจากจัดเวรยามแล้ว พวกเราก็นอนพักผ่อน ด้วยความระโหยโรยแรง ที่ต้องอดนอนและตรากตรำจากการเผชิญหน้าพวกมังกรโคโมโด ทุกคนพักผ่อนกันอย่างเต็มที่จนกระทั้งถึงเวลาอาหารเย็น ข้าพเจ้า พรานเหลิง ดอกเตอร์โรมิโอ อาจารย์กู้ ก็มานั่งหารือกัน
                พรุ่งนี้เราจะจัดทีมสำรวจเป็นสองชุด ออกสำรวจบริเวณหน้าผานี้ให้ทั่วๆ มันต้องมีทางผ่านหน้าผานี้ไปได้ เพราะร่องรอยโขลงช้างหายไปเมื่อเข้าสู่บริเวณดงหิน มันคงมีเส้นทางลับที่พวกมันใช้เป็นประจำจากรุ่นสู่รุ่น เราจึงไม่เห็นซากช้างที่ถูกเจ้ามังกรพวกนี้กิน
                หากมันกินช้าง มันต้องทิ้งกระดูกไว้ให้เห็นบ้าง ด้วยกระดูกช้างใหญ่โต พวกมันคงกินเข้าไปไม่ไหว อาจารย์กู้ให้ความเห็น
                นั่นแสดงว่ามันต้องมีทางข้ามหน้าผานี้ไปเป็นแน่ อาจเป็นโพรงถ้ำหรือทางขึ้นหน้าผาที่สัตว์ใหญ่ขนาดช้างสามารถปีนป่ายขึ้นไปได้ อย่าลืมว่าโขลงไอ้งาดำมีช้างเด็กๆอยู่ในโขลงด้วย หากช้างเด็กขึ้นไปได้ พวกเราก็คงปีนขึ้นได้ แต่เจ้ามังกรพวกนี้คงขึ้นไปด้วยไม่ได้เป็นแน่ ไม่เช่นนั้นมันคงตามขึ้นไปกินช้างพวกนั้นแล้วพรุ่งนี้เช้า ผม ตองโป กับเฒ่าทารกจะลัดเลาะไปทางทิศเหนือ ส่วนพรานเหลิง อาจารย์กู้ และวันเดอร์ไปทางทิศใต้ ไม่ว่าจะพบเส้นทางหรือไม่ก่อนห้าโมงเย็นเราจะมาสมทบ กันที่นี่
                โอเค ไอเห็นด้วย ไอจะให้โนเกียและลูกหาบหาฟืนกิ่งสนมาเพิ่มเติม เป็นเชื้อเพลิงไว้สำหรับพักแรม และจะหาทางติดต่อกับดาวเทียมด้วย  หลังจากจัดเวรยาม ทุกคนก็เข้านอน อากาศเริ่มหนาวยะเยือกตั้งแต่ตอนเย็น ตกดึกข้าพเจ้าตื่นมาอยู่ยาม อุณหภูมิลดต่ำกว่าสิบองศา ข้างล่างพวกมังกรโคโมโด เผล่นพล่านอยู่ทั่วไป แต่ไม่มีตัวใดปืนก้อนหินขึ้นมา มันคงหาทางขึ้นไม่ได้หรืออาจจะหาพวกเราไม่พบ
     
                    จนกระทั้งรุ่งเช้า หลังอาหาร ข้าพเจ้า ตองโป เฒ่าทารกก็เตรียมออกเดินทาง โนเกียกับดอกเตอร์ช่วยกันนำแผงเซลล์สุริยะออกมากาง พรานเหลิง อาจารย์กู้ และวันเดอร์ก็ ออกเดินทาง พอพวกเราลงพ้นโขดหิน ดอกเตอร์ก็ให้ลูกหาบขนก้อนหินมาปิดทางขึ้นลงไว้ตามเดิม ส่วนโนเกียก็พาลูกหาบสองคนออกหาฟืนใกล้ๆ บริเวณนั้นทันที
                  ตอนที่ข้าพเจ้าออกเดินทางเป็นเวลาหกนาฬิกา พวกเราเดินลัดเลาะไปตามก้อนหิน สังเกตทุกเส้นทางอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นมังกรโคโมโดเราก็หลบเลี่ยงก่อนที่มันจะพบพวกเรา หน้าผาสูงชันขึ้นไปเป็นพันๆ เมตรแม้นกก็ยากบินผ่านได้ ท้องฟ้ามีเมฆเซอโรคิวมูลัส ( CirrocumulusCloud)ลอยเป็นปุย เวิ้งว้างอยู่สูงขึ้นไปในท้องฟ้าสีคราม อุณหภูมิโดยเฉลี่ยไม่น่าจะเกิน 20 องศาเซนเซียส แม้แสงอาทิตย์ยามสายจะเริ่มร้อนแรง เราเดินสำรวจกันจนเที่ยงจึงพักกินเสบียงที่พกติดตัวไปด้วยอย่างง่ายๆ
                ผมจะลองปีนสำรวจดูตามผนังผา นายรออยู่ข้างล่างนี่แหละ กระเหรี่ยงหนุ่มคลี่ม้วนเชือกให้เฒ่าทารกถือม้วนเชือกไว้ ส่วนปลายอีกด้านก็มัดเป็นเงื่อนไว้กับเอว แล้วค่อยไต่หน้าผาขึ้นไปโดยเฒ่าทารกโรยเชือกตามเป็นระยะ เมื่อพบร่องแตกบนผนังผาก็ตอกหมุดเกาะขอฮุกคล้องเชือกไว้เป็นจุดเซพต์ตัวเอง
                 อากาศบนนี้สบายดีจังเลย ผมมองเห็นจุดพักแรมไกลลิบๆ อยู่โน่น ตองโปตะโกนลงมา
                 เอาไบนอคนี่ไปใช้ เฒ่าทารกปลดกล้องไลก้า ( Leica ) จากซองข้างเอว ผูกเชือกให้เจ้ากระเหรี่ยงสาวขึ้นไป ก่อนจะทิ้งปลายเชือกกลับคืนมาให้เฒ่าทารกถือตามเดิม ตองโปกราดกล้องดูไปทั่วๆ ก่อนจะไต่กลับลงมา
                ผมมองไม่เห็นทีมพรานเหลิง เหลี่ยมผามันบังบริเวณข้างล่าง ก้อนหินรายรอบหน้าผาเป็นดงไกลสุดลูกหูลูกตา
    ตองโปเอ่ยขึ้นเมื่อลงมาถึงพื้นดื่มน้ำดับกระหายและพักพอหายเหนื่อย เราเดินสำรวจกันจนบ่ายคล้อย ก็ไม่พบเบาะแสอะไร
           #160;    เรากลับกันเถอะ นี่ก็จวนสี่โมงเย็นแล้วเดี๋ยวมืดค่ำเราจะกลับลำบาก ข้าพเจ้าชวนทั้งสองคนกลับ เราเดินกลับตามทางเก่า สังเกตเห็นเครื่องหมายที่ทำทิ้งไว้เป็นระยะ อย่างนี้ไม่หลงทางแน่นอน เราพบมังกรโคโมโดสี่ห้าตัวแต่ก็เลี่ยงหลบมา ส่วนใหญ่ พวกมันจะนอนหลับอยู่ในโพรงหรือตามซอกหิน พวกเรามาถึงหินก้อนใหญ่ที่ใช้เป็นที่พักแรมก็สิบเจ็ดนาฬิกาพอดี เฒ่าทารกตะโกนเรียกโนเกีย สักครู่ โนเกียกับลูกหาบก็มาช่วยกันขนก้อนหินที่ปิดซอกทางขึ้นออก
                พรานเหลิงล่ะ ? โนเกียถามทันทีที่พบหน้ากัน
                อ้าว พรานเหลิงยังไม่กลับมาอีกหรือนี่ เฒ่าทารกอุทานด้วยความประหลาดใจ
                นี่ก็ห้าโมงกว่าแล้ว ผมว่าพวกเราออกตามไปดูหน่อยนะคุณแมว เฒ่าทารกชวน ซึ่ง
    ข้าพเจ้าก็เห็นด้วย พวกเราปลดสัมภาระที่ไม่จำเป็นออก นอกจากอาวุธคู่มือและไฟฉายเพื่อความคล่องตัวให้โนเกียกับลูกหาบปิดทางขึ้นลงไว้ก่อน
                 พวกเราเดินตามทางที่คณะพรานเหลิงใช้ เห็นเครื่องหมายที่ทำไว้เป็นกองก้อนหินบ้าง เป็นรอยขูดที่ก้อนหินใหญ่บ้าง ตามแต่สภาพเส้นทาง แสงตะวันยามอัสดงสาดต้องกองก้อนหิน ทอดเงา ร่มครึ้ม ดูมืดเร็วกว่าปกติ เดินลัดเลาะไปสักครู่ก็ได้ยินเสียงปืนดังสะท้อนหน้าผาแว่วมา
                เป็นเสียงปืนลูกซองอาจารย์กู้ เฒ่าทารกว่า ก่อนวิ่งเหยาะๆ คู่ไปกับกระเหรี่ยงคู่หูทำให้ข้าพเจ้าต้องวิ่งตามไปด้วย พอพ้นโค้งแง่ผาข้างหน้า เราก็เห็นภาพน่าประหลาดใจ ข้างหน้าเป็นปากถ้ำใหญ่เป็นเงาลึกเข้าไปในผนังผา ปากถ้ำก่อไฟกองใหญ่ขวางไว้ อาจารย์กู้ถือปืนลูกซองบราวนิง
    คุมอยู่ปากถ้ำ หน้าถ้ำมีมังกรโคโมโดสี่ห้าตัวกำลังฉีกซากพวกมันอยู่
     
    ___________________________________________________
    (ไบนอค-Binocularกล้องส่องทางไกลแบบสองตา-ผู้เขียน)
     
     
                เกิดอะไรขึ้นอาจารย์ เฒ่าทารกตะโกนถาม ก่อนหวดลูกซองใส่มังกรโคโมโดกลุ่มนั้นแตกกระเจิงไป
               พวกเรารีบมาทางนี้ พรานเหลิงกับวันเดอร์ไต่เหวลงไปข้างล่างหาแหล่งน้ำ ให้ผมเฝ้าปากทางไว้ แต่คงจะต้านพวกมันได้ไม่นาน เมื่อกี้ ไอ้ตัวนั้นพุ่งเข้ามา ผมเลยหวดมันหงายท้องอยู่นั้น อาจารย์กู้ชี้ให้ดูเศษซากมังกรโคโมโดที่ถูกพวกเดียวกันทึ้งเหลือทิ้งอยู่ ถ้ำนั้นน่าจะเป็นร่องหน้าผาแตกขนาดใหญ่ เป็นช่องสูงขึ้นไปเบื้องบน ลึกลงไปข้างล่าง กว้างร่วมสิบเมตรมีทางพอปีนลงไปได้ ข้าพเจ้าเดินเข้าไปชะโงกดู เห็นวันเดอร์กับพรานเหลิงกำลังไต่ขึ้นมา
                ผมกำลังจะกลับอยู่แล้ว แต่เห็นบริเวณนี้เป็นเหวเลยลงไปสำรวจอาจเจอน้ำ ซึ่งก็พบน้ำจริงๆ เป็นน้ำจืดสนิท น่าจะเป็นลำธารน้ำใต้ดิน ไหลซอกซอนเข้าไปในถ้ำ พรุ่งนี้ผมจะมาสำรวจดูอีกที และให้ลูกหาบมาขนน้ำไว้ใช้ด้วย
                เราไม่อดน้ำแล้วซี วันเดอร์ เฒ่าทารกมีสีหน้าดีขึ้น เมื่อทราบว่าพบน้ำ ตองโปช่วยอาจารย์กู้แยกฟืนดับกองไฟหน้าปากถ้ำ
                 มากพอให้เราอาบได้เลยหละ แต่อย่าเสี่ยงมาอาบจะดีกว่า เจ้ากิ้งก่าจ้องเขมือบเราอยู่ เต็มไปหมด วันเดอร์ เดินคุยหยอกล้อกับเฒ่าทารก เราเดินผ่านพวกมันเป็นกลุ่มๆ เฒ่าทารกชิงกดด้วย
    บราวนิงก่อนที่พวกมันจะโจมตี ทำให้พวกมันสาระวนกัดกินกันเอง จนมาถึงก้อนหินที่พักแรม ก็มืดพอดี โนเกีย ดอกเตอร์ และกลุ่มลูกหาบ ชะเง้อคอรอคอยด้วยความกระวนกระวาย เมื่อเห็นขบวนพวกเราก็ถอนใจด้วยความโล่งอก แล้วให้ลูกหาบขนก้อนหินที่ปิดทางขึ้น ออกไป พรานเหลิงแจ้งให้ทราบถึงแหล่งน้ำที่พบไม่ไกลจากที่พัก ทำให้ทุกคนยินดีคลายความกังวลเรื่องน้ำ   อาจารย์กู้โชว์ฝีมือแกงป่าเนื้อเค็มอีเก้ง หลังจากกินเสบียงเนื้อแห้งฝืดคอมาหลายวัน
     
                 ทุกคนดูผ่อนคลายไปมาก ทั้งทีอยู่ในดงมังกรโคโมโด ด้วยเห็นว่าที่พักแรมเราเป็นที่ปลอดภัยเพียงพอ หลังกินอาหาร จัดเวรยามเรียบร้อยแล้ว ข้าพเจ้า โนเกีย วันเดอร์ ดอกเตอร์ อาจารย์กู้
    เฒ่าทารก และพรานเหลิงก็มาพร้อมกันที่รอบกองไฟ
                มังกรโคโมโดดูร้ายกาจมีอันตรายก็จริง แต่พวกมันก็เชื่องช้ากว่าเรา พอจะรับมือได้ แต่หนทางที่จะไปต่อข้างหน้านี่ซิปัญหาใหญ่ เสบียงอาหารเราก็ร่อยหรอถึงแม้เราจะมีน้ำแต่ถ้าเราติดกับอยู่ที่นี่ เสบียงเราหมดก็จะลำบากมาก พรานเหลิงเอ่ยปรึกษาหารือ
                เสบียงหมดเราก็กินไอ้กิ้งก่านั้นมันยังจะกินเรา เราก็กินมันซะ เลย บ้องตันมันนำมาทำซุป ถ้าจะอร่อยดีพิลึก เฒ่าทารกออกความเห็นคลายเครียด แต่วันเดอร์ ทำคอแข็งผะอืดผะอม จนหน้าแดงกล่ำ
                 ล้อเล่นน่า เฒ่าทารกหัวเราะเอื้อมมือลูบหลังวันเดอร์หยอกล้อ
                ผมว่าพรุ่งนี้เราแบ่งทีมออกไปขนน้ำ และอาบน้ำชำระร่างกายกัน หลังจากนั้นก็ออกสำรวจ เส้นทางอย่างละเอียดคงจะพบร่องรอยอะไรบ้าง   ข้าพเจ้าออกความเห็น
                เป็นอันว่า ตกลงตามนี้   ทุกคนเห็นพร้อง
     
                 รุ่งเช้าเราให้ วันเดอร์ ตองโปอาจารย์กู้ ดอกเตอร์และลูกหาบไปที่แหล่งน้ำเพื่อขนน้ำมากักตุนไว้ และชำระร่างกาย ส่วนข้าพเจ้า เฒ่าทารก และพรานเหลิง เฝ้าแค้มป์ที่พัก พวกดอกเตอร์หายไปพักใหญ่จึงพากันขนน้ำกลับมา ท่าทางสดชื่น แจ่มใส   ทิ้งอาจารย์กู้กับวันเดอร์อยู่เฝ้าปากเหว น่าแปลกในตอนรุ่งเช้าเช่นนี้ ไม่พบพวกมังกรโคโมโด
                    อากาศยามเช้าสดชื่นถึงจะยังหนาวเย็นอยู่บ้าง เรามาถึงปากถ้ำเห็นอาจารย์กู้กับวันเดอร์ถือปืนยืนเฝ้าปากถ้ำอยู่ เดินเข้าไปราวสิบเมตรก็พบร่องหินแตกที่ลึกลงไปข้างล่าง พรานเหลิงปีนนำลงไปก่อนทุกคนไต่ตามลงไป โดยมีตองโปเฝ้าปากถ้ำไว้ ทางลงมีตะพักพอหยังเท้า ไต่ลงไปราวสิบเมตรก็เป็นทางลาดชันมีแง่หินพอได้เหนี่ยวยึดพยุงตัว ได้ยินเสียงน้ำไหล พ้นเหลี่ยมหินก็เห็นลำธารเล็กๆ ที่ก้นเหวตื้นๆ แห่งนั้น ไหลออกจากซอกผาไปตามร่องเหวแล้วก็ไหลมุดหายไปในรูหินอีกฟากของก้นเหวจากแสงสว่างที่ลอด ลงมา ส่องน้ำใสแน่วเห็นถึงก้นธาร น่าจะลึกไม่มากนัก เฒ่าทารกโดดตูมลงไปทั้งชุดเดินป่า ดำผุดดำว่ายอย่างสบายใจ
                น้ำเย็นดีจริงๆ แถมจืดสนิทดี ซะด้วย
             ตาเฒ่า แกลงไปทั้งชุดอย่างนั้นใครจะกล้ากินลง   อาจารย์กู้กระเซ้า น้ำในลำธารไหลค่อนข้างแรงแบบนี้สะอาดเพียงพอจะดื่มได้
                  พวกเราพากันอาบน้ำชำระร่างกายกันอย่างสมใจ หลังจากไม่ได้อาบกันเลย ตั้งแต่จุดที่เผชิญหน้าพลายงาดำ   สักครู่อาจารย์กู้ก็ไปเปลี่ยนกระเหรี่ยงหนุ่มให้ลงมาอาบน้ำบ้าง   พอเจ้ากระเหรี่ยงมาถึง ก็เล่นน้ำสนุกกันใหญ่กับเฒ่าทารก ข้าพเจ้าอาบเสร็จ ก็บรรจุน้ำเต็มกระติกสนาม คุยกับพรานเหลิงซึ่งขึ้นมารออยู่ก่อน
                ร่องหินมาสิ้นสุดตรงนี้ พรานเหลิงชี้ไปที่ผนังผาที่ธารน้ำมุดหายไป
                ข้างบนคงทะลุถึงยอดผา สังเกตจากอากาศที่ถ่ายเทและแสงที่ลอดลงมาได้ 
            เมื่อหลายล้านปีก่อนคงเกิดแผ่นดินไหว ทำให้ผาแตกเป็นร่อง คงมีร่องหินแบบนี้อยู่ทั่วไปเป็นแน่ และร่องใดร่องหนึ่ง อาจเป็นเส้นทางที่พลายงาดำและโขลงของมันใช้เป็นทางผ่านหน้าผานี้ไป ข้าพเจ้าสันนิษฐาน
                  ที่คุณภูมิ พูดก็มีส่วน ผมว่าเราควรออกสำรวจกันได้แล้ว และขอให้สังเกตร่องหิน โพรง หรือถ้ำต่างๆให้มากไว้ 
             ทุกคนปีนขึ้นมาบนปากเหวร่องหินแห่งนั้นด้วยความสดชื่น พรานเหลิงลัดเลาะลงใต้ ส่วนพวกเราคือข้าพเจ้าเฒ่าทารกและตองโปมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปตามเส้นทางเดิมที่เมื่อวานได้สำรวจไว้ เราเดินมาจนถึงหน้าผาที่ตองโปปีนขึ้นไปสำรวจก็พักกินข้าวเที่ยงจากเสบียงที่เตรียมไป
                     หลังจากกินข้าวเที่ยงแล้ว พวกเราก็ออกเดินสำรวจต่อ สภาพเส้นทางลัดเลาะหน้าผาต้องเดินหลบ เดินอ้อมก้อนหินที่กองระเกะระกะก้อนแล้วก้อนเล่า บางที่ก็ต้องอ้อมไกลจากหน้าผา แต่พวกเราก็ทำเครื่องหมายไว้เป็นระยะๆ
                 นาย ! มาดูนี่ ! ตองโปที่เดินนำหน้าตะโกนเรียกข้าพเจ้า เมื่ออ้อมก้อนหินที่ขวางหน้าข้าพเจ้าก็เห็นลานหิน ซึ่งแตกจากกันเป็นร่องๆ กว้างหนึ่งฟุตบ้าง สองฟุตบ้าง ลานหินนั้นทอดตัวเป็นทางลัดเลาะหน้าผาขึ้นไปเรื่อยๆ ตรงที่ตองโปหยุดยืนอยู่เป็นร่องหินกว้างราวสองฟุต แตกเป็นแนวยาวเข้าไปในผนังผา มีตะพักหินเป็นขั้นๆเหมือนขั้นบันได แผ่นหิน ผาแผ่นหนึ่งแตกบิ่นออกมา มีขนบางอย่างติดอยู่กับคมหินที่กะเทาะออกไป
                 นี่มันขนช้างนี่ ! เฒ่าทารกอุทานและนั่นเป็นขนช้างจริงๆ เหลี่ยมหินก้อนนั้นคงแตกออกมาตอนพวกมันเดินผ่าน คมหินคงบาดหรือขูดลำตัวพวกมันตัวใดตัวหนึ่ง ในขณะที่เดินผ่าน เส้นทางแนวหิน ทอดยาวขึ้นไปตามหน้าผากว้างราวหนึ่งเมตร บางตอนก็กว้างมาก บางตอนก็กว้างน้อย ร่องหินที่แตก ก็ลึกลงไปเป็นเหวดำมืดอยู่เบื้องล่าง ในร่องหินแคบตื้นๆ มีซากมังกรโคโมโดบี้แบน แห้งกรังค้างอยู่ มันคงถูกช้างทำร้ายเอา
                 เราพบเส้นทางที่โขลงช้างใช้แล้ว นี่ก็จวนจะค่ำ เรากลับไปปรึกษาพรานเหลิงก่อน แล้วค่อยมาสำรวจอย่างละเอียดอีกที ก่อนตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรกัน ข้าพเจ้าเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจ ในที่สุดเราก็พบร่องรอยโขลงช้างหลังจากออกค้นหาอยู่ถึงสามวัน จากเส้นทางที่มอง เห็นโขลงช้างคงจะนำทางเราข้ามภูผา พ้นดงหินมรณะนี้เสียที
                  เมื่อเรากลับถึงโขดหินพักแรม มังกรโคโมโดเผล่นพล่านเต็มไปหมด พรานเหลิงพาพวกลูกหาบถือไม้ยาวๆ ยืนคอยอยู่ เมื่อพวกมังกรโคโมโดเข้ามาใกล้ก็คอยใช้ไม้ไล่พวกมันๆ ส่ายหัวเลื้อยหนีไปออกันอยู่ใกล้ๆทางเดิน วิธีนี้ได้ผลเราไม่จำเป็นต้องยิงมันให้เปลืองกระสุน หากมันไม่พุ่งหรือฮือเข้าทำร้ายโจมตีโดยตรง ด้วยความช่วยเหลือจากพรานเหลิงและกลุ่มลูกหาบ พวกเราก็ค่อยๆถอยขึ้นโขดหินอย่างช้าๆ พอทุกคนขึ้นได้ระดับหนึ่งก็กลิ้งหินมาขวางไว้จนขึ้นบนโขดหินและปิดทางขึ้นได้ในที่สุด พวกมันพยายามปีนป่ายขึ้นมาส่งเสียงคำรามแข่งกันอยู่ข้างล่าง มังกรโคโมโดมีลิ้นที่ใช้รับโมเลกุลต่างๆ ในอากาศได้ พวกมันคงจะได้กลิ่นพวกเราจากลิ้นของมัน จึงตามมาชุมนุมรอบๆโขดหินเต็มไปหมด          
                 เราจะไว้วางใจไม่ได้เลย ต้องจัดเวรยามตลอดเวลา วันเดอร์ พาลูกหาบสองคนถือไม้ยาวเฝ้าปากทางไว้ เป็นยามพลัดแรก อย่ายิงโดยไม่จำเป็น เว้นแต่พวกมันฮือขึ้นมา   พรานเหลิงสั่งการทันที ที่พวกเราขึ้นมาบนโขดหินที่พักแรมได้เรียบร้อย
                  ข้าพเจ้าแจ้งกับคณะของพวกเราถึงเส้นทางและร่องรอยโขลงช้างที่สำรวจพบ ทุกคนดีใจกันถ้วนหน้า วันเดอร์ถึงกับไชโยโห่ร้องจับมือเฒ่าทารกเต้นรำไปรอบๆ ทุกคนคงอัดอั้นตันใจจากการที่ต้องมาติดกับอยู่ในดงหินมรณะแห่งนี้
                พรุ่งนี้เราจะหากิ่งไม้ยาวเป็นอาวุธนำทาง โดยแบ่งทีมทำงานเป็นสามทีม ตองโปเฒ่าทารกจะบุกเบิกทางด้านหน้า คุณแมววันเดอร์ โนเกียคุ้มกันด้านข้างซ้ายขวา ให้ขบวนลูกหาบและม้าต่าง
    อยู่ตรงกลาง ผมกับ อาจารย์กู้จะปิดหลังระวังท้ายขบวน ไม่จำเป็นเราจะไม่ยิงปืนเป็นการประหยัดกระสุนไปในตัว พรานเหลิงหารือเชิงสั่งการซึ่งทุกคนต่างเห็นพร้องด้วย
                ผมว่าเราต้องใช้ ไฟ อาจารย์กู้เอ่ยขึ้น
                ไฟ! อืม จริงสิ ผมเห็นด้วย เดียวตองโปสอบถามพวกลูกหาบว่ามีน้ำมันยางติดมาด้วยหรือเปล่า พรานเหลิงอุทานด้วยความยินดี
                 ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมจะจัดการเรื่องทำคบไฟเอง ตอนออกเดินทางผ่านต้นยางผมให้พวกมันลนยางเห็งติดมาด้วย 
                 เพื่อเป็นการประหยัดฟืนไว้ทำคบไฟ คืนนี้เราจะก่อกองไฟไว้เพียงกองเดียว และติดโคมซันไลท์ ไว้รอบๆ บริเวณที่พักโดยเฉพาะบริเวณทางขึ้นลง ต้องติดตั้งโคมซันไลท์ไว้ สองดวง   ปกติเราไม่ค่อยใช้โคมซันไลท์บ่อยนัก เพราะต้องเดินทางกลางวัน ไม่ได้เอาโคมมารับแสงอาทิตย์   แบตเตอรี่ ส่วนใหญ่ก็เก็บไว้ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ กล้องและอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ แต่สองวันมานี้เราพักบนโขดหินมีโอกาสชาร์ทไฟเต็มๆ มีพลังงานเหลือเฟือเพียงพอสำหรับโคมซันไลท์ซึ่งทำงานโดยสะสมไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โคมซันไลท์ส่วนใหญ่ มีขนาดเล็กกะทัดรัด สะดวกต่อการพกพา คืนนี้ก็เลยได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที    
                  ตองโป กับเฒ่าทารกนำน้ำมันยางแกลลอนใหญ่ เป็นยางจากต้นยางนาที่เรียกยางเห็งโดยนำมาคลุกกับเศษหญ้าและกิ่งสนเล็กๆ พันด้วยเศษผ้าเข้ากับปลายไม้สน รัดด้วยลวดอีกที นอกจากคบไฟยาวๆ แล้ว ตองโปกับพวกลูกหาบยังทำแบบสั้นๆไว้ด้วยสำหรับใช้ขว้างเรียกว่า อาวุธเพลิง แล้วนำบางส่วนไปให้เวรยามที่เฝ้าปากทางนั้นได้ทดลองใช้ ไล่เจ้าพวกมังกรโคโมโดซึ่งก็ได้ผล เมื่อจุดไฟขว้างคบสั้นลงไป พวกมันก็แตกฮือ เศษไต้กระเด็นไปติดหลังไอ้ตัวหนึ่งดิ้นพล่านไป
                ได้ผล ได้ผล เฒ่าทารกกับตองโปร้องขึ้นอย่างดีอกดีใจ แล้วพากันไปผลิต อาวุธเพลิงกันอย่างขะมักเขม้น
     
                 อาทิตย์อัสดงทอแสงจับหน้าผา ไกลออกไปขอบฟ้าเป็นสีแดงจากแสงผีตากผ้าอ้อม ข้าพเจ้ายืนชมอาทิตย์อัสดงอยู่ริมก้อนหิน มองป่าหินเรียงรายอยู่เบื้องล่างดุจค่ายกลขงเบ้งในสามก๊ก ดินแดนแห่งนี้ไม่มีร่องรอยมนุษย์ย่างกรายเข้ามา หากเข้ามาก็คงนำชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่ คงไม่โชคดีเหมือนคณะของเรา เส้นทางต่อไปข้างหน้าจะเป็นเช่นไรยากที่จะบอกได้ โขลงพลายงา ดำจะนำเราไปในทิศทางไหน หลังเทือกเขานี้จะเป็นดินแดนเช่นใด ถึงอย่างไรข้าพเจ้ามั่นใจว่าคณะเดินทางของเราจะฝ่าฟันผ่านพ้นไปได้ภายใต้การนำทางของพรานเหลิง 
                 คุณภูมิ นับว่าโชคดีมากๆ เลยที่คณะเราพบร่องรอยโขลงงาช้างดำ ข้าพเจ้าคงจมอยู่ในภวังค์นานจนไม่รู้สึกตัวว่าพรานเหลิงเดินมหยุดข้างๆ
                 ฮื่อ ก็โล่งอกเลย หากเราหาร่อ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×